เว็บฝึกอบรม
(Web-based Training--WBT) เป็นรูปแบบหนึ่งของการประยุกต์ใช้บริการเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ที่มีนักการศึกษาและหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งเป็นการอบรมโดยใช้เว็บฝึกอบรมเป็นความพยายามในการใช้คุณสมบัติต่างๆ
ของอินเทอร์เน็ตมาใช้เพื่อสนับสนุนการจัดการอบรมและแก้ปัญหาที่เกิดจากการอบรม
เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และคุ้มค่ามากที่สุด
ได้มีนักวิชาการและนักการศึกษาหลายท่านได้ให้ของเว็บฝึกอบรม ดังนี้
Clark
(1996) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรมว่า
เป็นการสอนรายบุคคลที่ส่งข้อมูลเป็นสาธารณะ หรือเป็นการส่วนตัวที่อาศัยเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
โดยผ่านทางโปรแกรมเว็บบราวเซอร์ (Web Browser) ลักษณะการฝึกอบรมไม่ได้ถ่ายทอดข้อมูลแบบคอมพิวเตอร์ฝึกอบรม(Computerbased
Training--CBT) แต่เป็นการเข้าไปในเครือข่ายคอมพิวเตอร์เพื่อศึกษาหาความรู้ที่ผู้จัดการฝึกอบรมได้บรรจุไว้ในเซิร์ฟเวอร์
โดยที่เว็บฝึกอบรมสามารถปรับปรุง
และพัฒนาข้อมูลให้ทันสมัยได้อย่างรวดเร็วและตลอดเวลา
และการเข้าถึงข้อมูลการฝึกอบรมควบคุมได้โดยผู้ออกแบบการฝึกอบรม
Hall (1998) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรมว่า เป็นการสอนที่อาศัยอินเทอร์เน็ต
หรืออินทราเน็ตในองค์กร โดยผ่านทางเว็บบราวเซอร์
การนำเสนอข้อมูลสามารถส่งจากแหล่งที่ห่างไกลถึงกันได้ เช่น
การใช้จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ติดต่อกัน หรือการส่งไฟล์บทเรียนไปให้กัน
การอบรมโดยเวิลด์ไวด์เว็บและการอบรมด้วยอินเทอร์เน็ตมีข้อดีคือ
ทำได้ง่ายและสะดวกรวดเร็ว มีปฎิสัมพันธ์เป็นมัลติมีเดีย
โดยใช้คุณสมบัติของเว็บบราวเซอร์และปลั๊กอิน
Meorill
(1998) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรมว่า
เป็นระบบการฝึกอบรมที่นำเสนอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรือทางอินทราเน็ตขององค์กรโดยเว็บบราวเซอร์
Driscoll
(1999) ได้กล่าวถึงการนำเว็บมาใช้ในการฝึกอบรมประกอบด้วย
2 ประเภท คือ แบบที่เป็นตัวหนังสืออย่างเดียว
และแบบมัลติมีเดีย โดยการฝึกอบรมแบบตัวหนังสืออย่างเดียวมีเครื่องมือ ได้แก่
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ กระดานข่าว การถ่ายโอนโปรแกรม และเว็บฝึกอบรม (Web-based
Training) มี 4 ชนิดด้วยกัน คือ (1) การฝึกอบรมบนเว็บ (Web Computer Based Training) (2) การฝึกอบรมภายในหน่วยงาน (Web based Employee Performance
Support--EPSS) (3) การฝึกอบรมในห้องที่เหมือนจริงเรียนต่างเวลากัน
(Asynchronous Virtual Classroom) (4) การอบรมในห้องฝึกอบรมเรียนในเวลาเดียวกัน
(Synchronous Virtual Classroom)
ยืน
ภู่วรวรรณ (2540) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรม
คือ กระบวนการเรียนรู้ เวิลด์ไวด์เว็บ
ที่เป็นรูปแบบของการเรียนการสอนที่ต้องประกอบไปด้วย การติดต่อทั้ง 2 ทาง โดยมีแนวคิดการมีศูนย์กลางการเรียนรู้ มาเป็นการกระจายลงสู่ผู้เรียน
และรูปแบบการอบรมต้องเล็กลง โดยยูนิตการเรียนในหลักสูตรเล็กลง
มีการร่วมมือประสานกันทั้งสองรูปแบบ คือ
ผู้สอนเป็นศูนย์กลางและผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
และเปรียบเสมือนการเรียนในห้องสมุดขนาดใหญ่ มีองค์ความรู้อยู่ทั่วโลก
มีหนังสือทุกเล่มที่สามารถหาอ่านได้ในเว็บ รวมทั้งทุกคนจะมีโฮมเพจของแต่ละคน
มีการทำการบ้าน รายงาน เผยแพร่ผลงานลงผ่านเว็บเพจ การออกแบบการเรียนรู้ผ่านเว็บ
จะอยู่ในรูปของโมเดลการเรียนการสอน ที่มีลักษณะของการมีปฏิสัมพันธ์
การกระจายศูนย์รวมมาอยู่แนวราบ และโมเดลจะมีขนาดเล็กลง
ผู้เรียนจะเกิดกระบวนการคิดมากขึ้น
บุปผชาติ
ทัฬหิกรณ์ (2540) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรม คือ
เครื่องมือในการอบรมที่ผู้เรียนเป็นผู้กำหนดและเลือกเรียนที่ไหน ก็ได้
โดยมีพื้นฐานทฤษฎีการเรียนรู้แบบผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ขึ้นมาเอง (Constructivism)
โดยใช้คอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือในการเรียนรู้
มนัส
บุญประกอบ (2541) ได้กล่าวถึงเว็บฝึกอบรมว่า
การนำแผนภูมิมโนทัศน์มาใช้ประโยชน์ที่ดีในการฝึกอบรมบนเว็บ
โดยโฮมเพจเปรียบเสมือนสารบัญของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งแสดงเป็นเมนู
ออกแบบมาด้วยลักษณะเว็บของไฮเปอร์เท็กซ์และแบบสื่อประสม
ผู้อ่านจะสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศในเว็บใด ๆ ได้โดยผ่านเข้าทางเครือข่าย
เวิลด์ไวด์เว็บ ปัจจุบันหน่วยงานต่าง ๆ
และสถาบันการศึกษาต่างสร้างเว็บของตนเองขึ้นมามากมายเพื่อมุ่งการประชาสัมพันธ์และประโยชน์ทางการศึกษา
เช่น แนะนำหน่วยงานในแง่มุมต่าง ๆ แนะนำหลักสูตรรายวิชาเรียนให้ความรู้ในเรื่องต่าง
ๆ
ฐานข้อมูลในโฮมเพจมีลักษณะเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายที่ผู้ใช้อาจสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศลึกลงไปในเว็บเพจต่าง
ๆ หรือโยงไปสู่ข้อมูลในเว็บอื่น ๆ ได้
และการออกแบบฐานข้อมูลผ่านเว็บสามารถจัดสร้างได้เป็น 3 รูปแบบ
ได้แก่ แผนภูมิตาราง แผนภูมิเชื่อมโยงเป็นลำดับชั้น และเครือข่ายข้อมูล
ทิพรัตน์
สิทธิวงศ์ (2547) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรมว่า
เป็นการอบรมโดยใช้เว็บเป็นสื่อในการนำเสนอข้อมูล มีเว็บบราวเซอร์เป็นตัวจัดการ
นำเสนอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรืออินทราเน็ต มีการจัดปฎิสัมพันธ์ทั้งที่เป็นแบบ
Synchronous คือในเวลาเดียวแต่ต่างสถานที่กันและแบบ
Asynchronous คือในสถานที่แตกต่างกันและต่างเวลากัน
ทำให้ผู้เข้ารับการอบรมสามารถเรียนที่ไหนก็ได้ และเวลาใดก็ได้
จากความหมายดังกล่าวจะเห็นได้ว่ารูปแบบการอบรมผ่านเว็บไม่แตกต่างจากความหมายของการเรียนการสอนผ่านเว็บสักเท่าไหร่
แต่ส่วนที่ทำให้วิธีการอบรมผ่านเว็บ (WBT) กับการเรียนรู้ผ่านเว็บ
(WBI) มีความแตกต่างกันคือ กลุ่มเป้าหมาย ของการอบรมคือ
ผู้ใหญ่ (Adult Learning) ซึ่งจะเน้นไปที่การพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของตนเอง
ส่วนการเรียนรู้ผ่านเว็บส่วนใหญ่แล้วจะนำไปใช้ในการเรียนการสอนภายใต้หลักสูตรที่กำหนดไว้
กลุ่มเป้าหมายจึงเป็นนักเรียน นอกจากนั้นก็มีในส่วนของเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้
การฝึกอบรมจะใช้เวลาที่น้อยกว่าการเรียนการสอน
เนื้อหาที่จะนำเสนอจะต้องกระชับและเข้าใจง่าย เพราะเวลาที่ใช้ในการเรียนรู้มีจำกัด
วิยะดา
วชิราภากร (2547) ได้กล่าวถึงความหมายของเว็บฝึกอบรมว่า
เป็นการจัดสภาพการอบรมที่ได้รับการออกแบบอย่างมีระบบ
โดยอาศัยคุณสมบัติและทรัพยากรของเวิลด์ไวด์เว็บมาเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้การฝึกอบรมให้มีประสิทธิภาพ
การฝึกอบรมด้วยเว็บฝึกอบรมจึงถือเป็นวิธีการใหม่ที่จะช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนาวิชาชีพหรือทักษะในการทำงานเพิ่มขึ้นและยังช่วยขจัดอุปสรรคและปัญหาต่าง
ๆ ที่เกิดขึ้นจากการจัดการฝึกอบรมแบบเดิม
ใจทิพย์
ณ สงขลา (2547, หน้า 10) กล่าวว่า การเรียนการสอนบนเว็บ (Web-based Instruction-WBI) หมายถึง การใช้คุณสมบัติของไฮเปอร์มีเดียและคอมพิวเตอร์เครือข่าย
ซึ่งรวมทั้งเครื่องมือสื่อสารในการสรรค์สร้างกิจกรรมการเรียนทำให้เกิดการเรียนรู้
โดยผู้เรียนผู้สอนไม่จำเป็นต้องอยู่พร้อมกัน ณ สถานที่เดียวกัน
โดยเน้นการจัดการเรียนการสอนที่หวังผลการเรียนรู้เชิงวิชาการในรูปแบบต่างๆ
Khan (1997, อ้างถึงใน
สถาพร สาธุการ และ อภิภู สิทธิภูมิมงคล, 2548) กล่าวว่า การเรียนการสอนบนเว็บ หมายถึง
การสอนบนเว็บเป็นโปรแกรมการเรียนการสอนในรูปแบบของสื่อหลายมิติ (Hypermedia)
ที่นำคุณลักษณะและทรัพยากรต่างๆที่มีอยู่ในเวิลด์ไวด์เว็บมาใช้ประโยชน์ในการจัดสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้
Merrill (1998, อ้างถึงใน
มนต์ชัย เทียนทอง, 2545, หน้า 354) แห่ง Utah State University สหรัฐอเมริกาได้นิยามความหมายของของบทเรียน
WBI /WBT ไว้ว่า
เป็นระบบการเรียนการสอนที่นำเสนอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตขององค์กร
โดยใช้เบราเซอร์
Kilby (1994, อ้างถึงใน
มนต์ชัย เทียนทอง, 2545, หน้า 355) แห่ง WBI Training Information Center ได้นิยามความหมายของบทเรียน
WBI /WBT ไว้ว่า
เป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยฝึกอบรมซึ่งใช้เทคโนโลยีของเว็บ ได้แก่ TCP/IP,
HTTP และเบราเซอร์ โดยนำเสนอผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
Parson
(1997, อ้างถึงใน มนต์ชัย เทียนทอง, 2545, หน้า
355) ได้นิยามความหมายของบทเรียน WBI/WBT
ไว้ว่า เป็นการเรียนการสอนบนเว็บทั้งหมดหรือเพียงบางส่วนในการส่งความรู้ไปยังผู้เรียน
ซึ่งการเรียนการสนอในลักษณะนี้มีหลายรูปแบบและมีคำที่เกี่ยวข้องกันหลายคำ เช่น Online
Learning, Distance Education Online เป็นต้น
Relan
and Gillani (1997, อ้างถึงใน มนต์ชัย เทียนทอง, 2545, หน้า 355) ได้กล่าวว่า
การเรียนการสอนบนเว็บเป็นการประยุกต์ใช้วิธีการต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยใช้บทเรียน WBI/WBT
เป็นทรัพยากรเพื่อการสื่อสาร
และใช้เป็นโครงสร้างสำหรับแพร่กระจายการศึกษาไปยังชุมชนต่างๆ
Clark (1996, อ้างถึงใน
มนต์ชัย เทียนทอง, 2545, หน้า 355) ได้ให้ความหมายของบทเรียน WBI/WBT ไว้ว่า
เป็นการเรียนการสอนรายบุคคลโดยใช้เครือข่ายคอมพิวเตอร์สาธารณะ
หรือเครือข่ายส่วนบุคคล ในการค้นหาและเข้าถึงข้อมูลต่างๆ ผ่านทางเครือข่าย
มนต์ชัย เทียนทอง (2545,
หน้า 355) กล่าวโดยสรุปว่า WBI/WBT
เป็นบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่นำเสนอผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โดยใช้เว็บเบราเซอร์เป็นตัวจัดการ ดังนั้นจึงมีความแตกต่าง กับบทเรียน CAI/CBT
ธรรมดาอยู่บ้างในส่วนของการใช้งาน ได้แก่
ส่วนของระบบการติดต่อกับผู้ใช้ (User Interfacing System) ระบบการนำเสนอบทเรียน
(Delivery System) ระบบการสืบท่องข้อมูล (Navigation
System) และระบบการจัดการบทเรียน (Computer Managed System) เป็นต้น เนื่องจากบทเรียน WBI/WBT นำเสนอผ่านเว็บเบราเซอร์
เช่น Netscape Navigator หรือ Internet Explorer ซึ่งใช้หลักการนำเสนอแบบไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) ที่ประกอบด้วยข้อมูลเป็นเฟรมๆ
โดยแบ่งออกเป็นเฟรมหลักหรือเรียกว่าโนดหลัก (Main Node) และโหนดย่อย
(Sub Node) รวมทั้งยังมีการเชื่อมโยง
แต่ละโนดซึ่งกันและกันที่เรียกว่าไฮเปอร์ลิงค์ (Hyperlink) สำหรับส่วนที่ไม่แตกต่างกันระหว่างบทเรียน
CAI/CBT กับบทเรียน WBI/WBT ก็คือหลักการนำเสนอองค์ความรู้
ที่ยึดหลักการและประสบการณ์การเรียนรู้เช่นเดียวกันทุกประการ
เนื่องจากเป้าหมายของบทเรียนทั้ง 2 ประเภทก็เพื่อ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนจากที่ทำไม่ได้หรือที่ไม่รู้ไปเป็นการที่ทำได้หรือรู้
จึงกล่าวสรุปได้ว่า
เว็บฝึกอบรม เป็นการนำกระบวนการฝึกอบรม ด้วยการนำเสนอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ผู้ฝึกอบรมสามารถเข้าฝึกอบรมได้ทุกที่ทุกเวลาที่ตนเองต้องการ
ซึ่งเป็นการสนับสนุนและส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ
ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพิ่มทักษะในการทำงานและยังช่วยขจัดอุปสรรคและปัญหาต่าง
ๆที่เกิดขึ้นจากการฝึกอบรมแบบเดิม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น